ประมวลภาพกิจกรรม

Contact Us: admin@ektra.ac.th

พิธีปิดปิดปีการศึกษา


         เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2025 โรงเรียนได้จัดพิธีโมทนาคุณปิดปีการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2567 เพื่อขอบคุณพระเจ้าและแม่พระสำหรับพระพรและการปกป้องคุ้มครองตลอดปีที่ผ่านมา พิธีนี้สะท้อนความรู้สึกขอบคุณสำหรับความสำเร็จในการเรียนการสอนและกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดปีการศึกษา ทั้งนี้ โรงเรียนได้รับเกียรติจากคุณพ่อพนมกร สง่าวงศ์มาร่วมพิธี

        
โอวาท คุณพ่อเปโตร พนมกร สง่าวงศ์
พิธีโมทนาคุณปิดปีการศึกษา 2567 ระดับประถม


       พ่อยินดีกับพวกเราทุกคน ปีการศึกษาหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อต้นปี พ่อยังเห็นหลายคนตัวเล็ก ๆ แต่วันนี้ พวกเราเติบโตขึ้น ทั้งร่างกาย ความรู้ และประสบการณ์ พ่ออยากให้เราลองคิดทบทวนว่า ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง เราใช้ชีวิตอย่างไรในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ

       วันนี้ ขณะอ่านพระวาจาของพระเจ้า พ่อพบเรื่องราวในพระวรสารนักบุญลูกา นักกฎหมายคนหนึ่งถามพระเยซูว่า “จะทำอย่างไรจึงจะได้ชีวิตนิรันดร์” นักกฎหมายเป็นผู้มีความรู้ แต่กลับไม่เคยนำไปปฏิบัติ ลูก ๆ ครับ การมีความรู้เป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เรานำความรู้นั้นมาใช้หรือไม่ เราอาจรู้ว่าควรทำความดีอย่างไร แต่ถ้าไม่เคยลงมือทำ ความรู้นั้นก็ไร้ความหมาย

       สิ่งแรกที่พ่ออยากฝากไว้คือ การนำความรู้ไปใช้ในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นวิชาใด เราได้นำสิ่งที่เรียนมาตลอดปีการศึกษานี้มาปรับใช้ในชีวิตของเราอย่างไร

       เรื่องที่สอง ที่พ่ออยากให้เราคิดไตร่ตรองคือ ความรัก ลูก ๆ ครับ ความรักไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้จากการกระทำ หากเราบอกรักพ่อแม่ แต่ไม่เคยแสดงออก ไม่เคยกอด หรือขอบคุณ ท้ายที่สุดแล้ว คำพูดนั้นก็ไม่มีความหมาย แต่หากแม้เราไม่เคยพูดคำว่า "รัก" แต่แสดงออกผ่านการดูแล เอาใจใส่ นั่นต่างหากคือความรักที่แท้จริง ช่วงปิดเทอมที่กำลังมาถึง พ่ออยากให้พวกเราเป็นเด็กดี ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน แสดงความรักผ่านสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ให้เวลากับตัวเอง กับครอบครัว และกับสิ่งที่ช่วยพัฒนาเรา พ่อไม่อยากบอกว่าควรใช้เวลาอย่างไร เพราะแต่ละคนมีกิจกรรมที่แตกต่างกัน หลายคนอาจชอบเล่นเกม ซึ่งพ่อไม่ได้บอกว่าถูกหรือผิด แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องรู้จักตัดสินใจเลือกสิ่งที่มีคุณค่าและความหมายให้กับชีวิต

       สุดท้าย เรื่องวินัยในชีวิต ใครที่ตื่นนอนแล้วเก็บที่นอนเองบ้างครับ? พ่อยินดีด้วย เพราะนี่คือ ความสำเร็จแรกของวัน เป็นจุดเริ่มต้นของวินัย การมีวินัยไม่ได้หมายถึงการทำแค่วันเดียว หรือสองสามวัน แต่คือการทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ยิ่งฝึกฝนมากเท่าไร เราจะค่อย ๆ เติบโต เป็นคนที่ดีขึ้น และเรียนรู้การใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ช่วงปิดเทอมนี้ ขอให้เรานำสิ่งเล็ก ๆ ที่เราทำ มาสร้างให้เป็นนิสัยที่ดี พ่อเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเราเติบโตเป็นคนที่มีคุณค่า และประสบความสำเร็จในชีวิต

ขอพระเจ้าอวยพรพวกเราทุกคน


        
โอวาท คุณพ่อเปโตร พนมกร สง่าวงศ์
พิธีโมทนาคุณปิดปีการศึกษา 2567 ระดับมัธยม


       วันนี้อยากมาแบ่งปันเรื่องราว ก่อนปิดปีการศึกษา ขณะที่พวกเราได้เรียนรู้มาตลอดปีและเพิ่งจบการศึกษาไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เมื่อเปิดแอปพลิเคชัน TikTok ก็พบคลิปจากศิษย์เก่าของโรงเรียนสารสาสน์แห่งหนึ่ง ที่ตั้งคำถามว่าทำไมโรงเรียนสารสาสน์ทุกแห่งจึงมีรูปแบบการเรียนการสอน และกิจวัตรที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าแถวหน้าเสาธง การกล่าวคติพจน์ประจำโรงเรียน หรือการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ แม้บางคนจะไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ก็ตาม สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดคำถามมากมายในใจของศิษย์เก่าและนักเรียนในเครือสารสาสน์ที่จบไปแล้ว

       แท้จริงแล้ว สิ่งที่โรงเรียนปลูกฝังให้เรานั้น คือ "วินัย" วินัยในชีวิตไม่ได้เกิดขึ้นเองตั้งแต่กำเนิด แต่เกิดจากการทำสิ่งต่าง ๆ ซ้ำ ๆ จนเป็นนิสัย วินัยหมายถึงความสามารถในการทำสิ่งที่ควรทำในเวลาที่เหมาะสม แม้บางครั้งเราอาจไม่อยากทำก็ตาม วินัยช่วยให้เราฝึกฝนตนเอง เป็นคนดี ประสบความสำเร็จ และมีความภาคภูมิใจในตนเอง เพราะการมีวินัยไม่เพียงฝึกฝนร่างกาย แต่ยังทำให้จิตใจเข้มแข็ง สามารถเอาชนะอุปสรรคและความเห็นแก่ตัวได้
      วันนี้ พ่ออยากแบ่งปันข้อดีของวินัย 4 ประการที่สำคัญต่อชีวิตของพวกเรา:

      1. วินัย ช่วยให้เราชนะความต้องการที่ไม่จำเป็น หลายครั้งเราอยากซื้อเสื้อผ้าหรือของใช้ต่าง ๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงความจำเป็น ลองเปิดตู้เสื้อผ้าของเราดู ว่ามีเสื้อผ้ามากเกินไปหรือไม่ หากเรามีวินัย เราจะรู้จักยับยั้งชั่งใจ ซื้อเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ไม่ใช่เพียงเพื่อตอบสนองความอยาก
      2. วินัย ช่วยให้เรายอมรับความผิด และพัฒนาตนเอง ไม่มีใครทำถูกต้องเสมอไป แต่ผู้ที่มีวินัยจะรู้จักยอมรับความผิดของตนเอง แก้ไขข้อผิดพลาด และเรียนรู้จากประสบการณ์ ความมีวินัยช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง และหลีกเลี่ยงความผิดพลาดซ้ำเดิม
      3. วินัย ช่วยให้เรามุ่งมั่นในการเรียนรู้ ปัจจุบันความรู้หาได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส แต่เราต้องมีวินัยในการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อความบันเทิงเพียงอย่างเดียว คนที่มีวินัยจะรู้ว่าเมื่อใดควรเรียน เมื่อใดควรพักผ่อน และสามารถแยกแยะข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากข้อมูลที่ไม่จำเป็น
      4. วินัย ช่วยให้เราสร้างสมดุลในชีวิต ซึ่งสมดุลในชีวิตหมายถึง การดูแลทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ คนที่ต้องการมีสุขภาพดีต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่นเดียวกับการเรียนรู้ที่ต้องใช้เวลาสะสมความรู้ การควบคุมอารมณ์ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งของวินัย หากเราสังเกตอารมณ์ของตนเองและรู้วิธีจัดการ จะช่วยให้เรารับมือกับปัญหาได้ดีขึ้น และสามารถเข้าใจผู้อื่นได้มากขึ้น

       สุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "จิตวิญญาณ" หรือคุณธรรมภายในใจ วินัย ช่วยให้เรารู้จักแยกแยะสิ่งที่ถูกและผิด ตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง และละเว้นสิ่งที่ไม่ดี โรงเรียนสารสาสน์ทุกแห่งพยายามปลูกฝังให้พวกเราเป็นคนมีระเบียบวินัย ตามคำขวัญของโรงเรียน "Age Quod Agis" หรือ "ทำอะไรทำจริง" ซึ่งหมายถึงการมีเป้าหมายที่ชัดเจน มุ่งมั่นทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จ และดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข

       ก่อนปิดปีการศึกษา ขอให้พวกเราทุกคนรู้จักใช้ความรู้อย่างมีวินัย ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข และเป็นคนดีของสังคม

ขอพระเจ้าอวยพรพวกเราทุกคน


        
โอวาทจากผู้อำนวยการ มาสเซอร์ พิสุทธิ์ ยงค์กมล
พิธีโมทนาคุณปิดปีการศึกษา 2567 และพิธีประกาศเกียรติคุณนักเรียน Year 6-12


       ขอขอบคุณท่านผู้ปกครองทุกท่าน ที่ให้เกียรติมาร่วมพิธีในวันนี้ ขอขอบคุณคณะผู้บริหาร คณะครู และนักเรียนทุกคน โดยเฉพาะนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งกำลังจะก้าวเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของชีวิตนักเรียนที่สถาบันแห่งนี้

       ในโอกาสนี้ ขอฝากข้อคิดสำคัญให้กับนักเรียนทุกคนในปีการศึกษานี้ นักวิทยาศาสตร์ นักค้นคว้ายา ศิลปิน และนักประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน ล้วนเคยถูกดูถูกและเหยียดหยามมาก่อน เช่นเดียวกับวิศวกรที่ออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลก ในอดีตพวกเขาต้องเผชิญกับคำสบประมาทมากมาย

       วิศวกร ต้องอาศัยความรู้ทางคณิตศาสตร์และฟิสิกส์อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่การคำนวณความลาดชันของพื้นดิน ความแข็งแรงของโครงสร้าง ไปจนถึงการออกแบบเพื่อป้องกันความเสียหายในอนาคต เช่นเดียวกับอาชีพอื่น ๆ ที่ต้องพึ่งพาความรู้ในศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง แพทย์และเภสัชกรต้องเข้าใจเคมี แม้วันนี้นักเรียนอาจไม่ชอบวิชานี้ แต่ในอนาคตหากเข้าศึกษาในคณะแพทยศาสตร์ก็ต้องเรียนรู้ด้านนี้อย่างลึกซึ้ง เช่นเดียวกับนักกฎหมาย นักการทูต และนักการเมือง ที่ต้องมีทักษะการสื่อสารและการนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ

       ทักษะทางกายภาพ ก็สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า ขึ้นบันไดสูง หรือออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง เพราะร่างกายที่แข็งแรงช่วยให้เราฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้เร็วขึ้น และป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาด

       สำหรับผู้ที่สนใจ ด้านการทำอาหารหรือวิทยาศาสตร์ นักเคมีและเชฟต้องเข้าใจคุณสมบัติของสมุนไพร การผสมผสานเครื่องปรุงรส และองค์ประกอบของกลิ่นที่สร้างเอกลักษณ์ให้กับอาหาร เช่นเดียวกับดนตรีที่สามารถเป็นทั้งอาชีพและเครื่องมือในการบำบัดจิตใจ

      ทักษะด้านศิลปะ ก็มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกคัดลายมือ วาดภาพ หรือออกแบบโครงสร้างสถาปัตยกรรม ศิลปะสามารถช่วยเยียวยาสภาพจิตใจของผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า และยังช่วยสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยในแต่ละภูมิประเทศ

      นอกจากนี้ การเรียนรู้เกี่ยวกับศาสนาและหลักปรัชญาชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องอยู่ร่วมกันด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การให้เกียรติผู้อื่นในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะในงานพิธีทางศาสนา เป็นสิ่งที่นักเรียนทุกคนควรยึดถือเป็นหลักปฏิบัติ

      สุดท้ายนี้ มาสเซอร์ขอให้ทุกคนได้นำสิ่งที่เรียนรู้จากที่นี่ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อาจมีเพียงไม่กี่คนที่ตั้งใจฟังและนำไปปฏิบัติจริง แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว เพราะความรู้และประสบการณ์ที่ถ่ายทอดให้วันนี้ อาจกลายเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า ขอขอบคุณท่านผู้ปกครองทุกท่านอีกครั้ง ขอให้ทุกท่านเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ และขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยดลบันดาลให้ทุกท่าน ครูและนักเรียนทุกคนประสบแต่ความสุขความเจริญ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ

ขอขอบคุณครับ