ประชุมผู้ปกครองนักเรียนใหม่ 2558

         เมื่อวันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมประชุมผู้ปกครองนักเรียนใหม่
ในระดับชั้น NC-Yr.11 และนักเรียนเก่าชั้น Yr.7 เพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องระบบการเรียนการสอนแบบสองภาษา การจัดหลักสูตรการศึกษาและเนื้อหาวิชา ตลอดจนนโยบายและกฏระเบียบต่างๆของโรงเรียน
          ผู้ปกครองได้พบกับท่านผู้อำนวยการและแยกประชุมกับคุณครูแต่ละแผนก เพื่อชี้แจงแนวทางการจัดการศึกษาของโรงเรียน  ทั้งนี้ การประชุมผู้ปกครองได้แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือช่วงเช้าและช่วงบ่าย  โดยในช่วงเช้าจะเป็นการประชุมผู้ปกครองของนักเรียนชั้น NC-Yr.6 และช่วงบ่ายประชุมผุ้ปกครองของนักเรียนเก่าชั้น Yr.7และนักเรียนใหม่ชั้น Yr.7-Yr.11
          ทางโรงเรียนขอขอบพระคุณผู้ปกครองทุกท่านที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมประชุมผุ้ปกครองในครั้งนี้  ซึ่งทุกท่านได้ให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียน
เป็นอย่างดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นนี้ในปีต่อๆไป

       

คลิก ดูวิดีโอ

คลิกที่รูป เพื่อดูภาพขนาดใหญ่

แผนกอนุบาล
แผนกประถม
แผนกมัธยม

 

โอวาท ผอ. พิสุทธิ์ ยงค์กมล
ในโอกาสประชุมผู้ปกครองนักเรียนใหม่ 23 พ.ค. 2558

         สวัสดีท่านผู้ปกครองทุกท่าน ผมรู้สึกดีใจและขอบคุณผู้ปกครองทุกท่านเสียสละเวลามาร่วมการประชุมผู้ปกครองนักเรียนใหม่ในวันนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้มาพบปะได้แสดงนโยบายและแนวทางต่างๆในรั้วโรงเรียนสารสาสน์เอกตรา ผมจะพยายามพูดให้กระชับที่สุด ส่วนใหญ่เท่าที่ผมดูน้อยคนที่จะอายุน้อยกว่าผม ก่อนอื่นผมขอเช็คระดับวัยวุฒิและคุณวุฒิ โดยการทำท่าหล่อประกอบเพื่อที่ผมจะได้ใช้ภาษาได้อย่างเหมาะสม ผมขอเช็คจำนวนบุตรของผู้ปกครองในที่นี้ ซึ่งผลก็คือ จะมีลูกน้อยลง สังคมเล็กลง แต่ลูกๆของเรานั้นจะมีคุณภาพในด้านการศึกษาที่เพิ่มขึ้น ในวันนี้ผมตั้งใจจะพูดในสิ่งที่สำคัญมาก ผมจึงขอแนะนำหนังสือ เรื่อง “พ่อเเม่รังแกฉัน” ซึ่งแต่งโดย “พระยาอุปกิตศิลปสาร” พิมพ์ครั้งแรก วันที่ 1 มิ.ย. 2468 ซึ่งมีอายุนานมากประมาณ 50-60 ปีมาแล้ว เพื่อนำมาประกอบการประชุมผู้ปกครองใหม่มิได้ใช้ทำการค้า เนื่องจากปัจจุบันได้เกิดปัญหาในการเลี้ยงลูกกล่าวคือ “พ่อแม่ไม่ได้รังแกฉันแล้ว” แต่เปลี่ยนเป็น “ลูกรังแกพ่อแม่” ผมขออนุญาตให้ผู้ปกครองเปิดหน้าสอง และอ่านย่อหน้าที่สองโดยอ่านไปพร้อมๆกันกับผม ผมขอสรุป บรรทัดสุดท้ายที่ผมอ่าน คือ “พ่อแม่ที่รักลูกทำถูกหรือ ผมอยากให้หนังสือเล่มนี้เป็นแนวทางข้อคิดเตือนใจให้ผู้ปกครองและบุตรปฏิบัติต่อกันในสื่งที่ถูกต้อง โดยใช้การมองให้ลึกซึ้ง ทำความเข้าใจในการเลี้ยงดูลูก ซึ่งในใจความของหนังสือ จะกล่าวถึง “ความประพฤติของเด็กต่อพ่อแม่และคุณครู” จึงอยากจะให้ผู้ปกครองเข้าใจในตัวลูกๆของท่าน ใช้วิธีการเลี้ยงดูที่ถูกต้องเหมาะสม เพื่อที่ลูกของเราจะเติบโดเป็นบุคคลที่ดีในอนาคต ผมคิดและสอนเด็กๆเสมอว่าให้รู้จักความพอเพียง ตามหลักของในหลวงของเราและนำความพอเพียงมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต โรงเรียนของเราจะสอนให้เด็กอยู่ในความพอดีทำให้ไม่เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ ผมขอยกตัวอย่าง สมัยผมเรียนอยู่ ACC ได้รู้จักกับบราเดอร์ท่านหนึ่ง ท่านเป็นคนสมถะ ท่านมีเสื้อหล่อๆที่ใส่ประจำอยู่สองตัว ท่านใส่แต่สองตัวนี้จนกาลเวลาผ่านไปเป็นเวลานาน ท่านก็ยังคงใส่อยู่จนสภาพเสื้อตอนนี้นั้นเหลืองอย่างเห็นได้ชัดเจน กระทั่งมีเพื่อนของผม ชื่อ “หนุ่ย” ได้เข้าไปถามว่าทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อใหม่สักที บราเดอร์ตอบกลับมาว่า “ถึงมันจะเก่าแต่มันก็ยังสะอาดนะ” จะเห็นได้ว่าท่านมีความพอเพียง เราจึงคิดได้ว่าขนาดเสื้อ ท่านยังมีความประหยัด มีความพอเพียง ในขณะที่อีกด้านหนึ่งเด็กๆที่มาจากครอบครัวที่มีความพร้อม ย้อนหลังไปสมัยก่อนนั้น เด็กที่ขับรถออกไปกินอาหารกลางวันกันที่สยาม นั้นก็ถือว่าหรูมากแล้ว ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องความพอเพียง ดังนั้นเราต้องใช้ชีวิตอย่างมีความพอเพียง มีจุดยืนและมีความสุข ผมได้ไปเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย ทำให้ผม แบ่งสังคมออกเป็นสองประเภท แบ่งเป็น สังคมที่เป็นมิตรและไม่เป็นมิตร ทุกท่านในที่นี้ต้องเคยอยู่ในสังคมที่มีการทะเลาะเบาะแว้ง อันทำให้เกิดปัญหา เด็กไม่รู้ตัวตนของตัวเอง ปัญหาเรื่องเด็กโดนรังแก ทุกคนจำเป็นต้องรู้จักการปรับตัว การวางตัว มีจุดยืน และมีความดีในตนเองเป็นที่ตั้ง เพราะทุกคนล้วนแต่ต้องมีสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมครอบครัว โรงเรียน เพื่อน
         วันนี้ในช่วงหลังผู้บริหารจะพูดในเรื่องของวิชาการหรือ (What) แต่ผมจะขอกล่าวถึง สภาพบรรยากาศภายในโรงเรียนหรือ (How) ผมอยากจะให้ท่านเข้าใจเรื่อง “Multiple Intelligence” หรือ (MI) และทำอย่างไรเด็กๆถึงจะตระหนักและภูมิใจในตัวเอง ไม่มี การ Bully กันเกิดขึ้น ผมมักจะสอนเด็กของเราเสมอว่าให้มีความตระหนักและภูมิใจในตัวเอง เด็กๆทุกคนของโรงเรียนแห่งนี้จะต้องมีจุดยืน มีเกียรติ และมีศักดิ์ศรี ไม่ว่าเด็กจะมาจากที่ใด มีลักษณะเป็นอย่างไร หรือมีปมด้อยก็ตาม เมื่อมาอยู่ที่นี่แล้ว เด็กทุกคนจะต้องมีความภูมิใจในตัวเอง รวมถึงพ่อแม่และคุณครู
         เราทำเรื่อง MI มาประมาณ 10 กว่าปี เราได้มีการค้นคว้าและในระบบการเรียนการสอนของทางโรงเรียนของเราจะเป็นแบบ “Multiple Intelligence” หรือ(MI) : ซึ่งมีองค์ประกอบ ดังนี้ 1) ด้านภาษา (Linguistic Intelligence) ทางโรงเรียนของเราจะสนับสนุนวิชาการทางด้านภาษา โดยผสมผสานกับดนตรีเชื่อมโยงกัน เพราะดนตรีถือเป็นศาสตร์ในการเชื่อมโยงภาษาการสื่อสารในเบื้องต้น 2) ด้านคณิตศาสตร์ (Mathematical Intelligence) ทางโรงเรียนจะสอนวิชาคณิตศาสตร์ให้เด็กรู้จักวิธีคิดต่างๆ 3) ด้านมิติสัมพันธ์ (Visual-Spatial Intelligence) เป็นศาสตร์ด้านมุมมองความคิด การจินตนาการ การวางแผน การมองการณ์ไกล 4) ด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Intelligence) คือการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น ต้องรู้จักพื้นฐานเบื้องต้นของตนและการมองถึงผู้อื่น โดยไม่ยึดถือตนเป็นหลัก 5)ด้านดนตรี ( Musical Intelligence) ดนตรีเป็นศาสตร์เชื่อมโยงกับภาษา เป็นภาษาสากล ซึ่งเป็นสื่อในการสื่อสารให้รับรู้และเข้าใจได้ ทางโรงเรียนของเราจัดโครงการให้เด็กหนึ่งคนจะต้องเล่นดนตรีได้ 1 ชิ้นโดยการผลักดันส่งเสริมเด็กโดยไม่ใช้การบังคับ 6) ด้านกีฬา (Bodily Intelligence) ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว โรงเรียนของเราจะเน้นและสนับสนุนเด็กๆในด้านกีฬา 7) ด้านธรรมชาติ (Naturalist Intelligence) กล่าวถึงสภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศต่างๆ โดยเราจะต้องสอนให้เด็กมีความรู้ความเข้าใจทางสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และเห็นภาพจริงอย่างถูกต้อง 8) ด้านการเข้าใจตัวเอง(Interpersonal Intelligence) เป็นศีลธรรมประจำใจ โรงเรียนของเราเป็นคาทอลิก เราจะเน้นสอนให้เด็กรู้จักนิสัยของตนเอง ว่ามีลักษณะนิสัยเป็นอย่างไร โดยแนวความคิดที่ว่า “เราเป็นผู้ให้” กล่าวคือให้กับคนชั้นกลาง มากกว่าการให้กับคนชั้นบน จึงเป็นที่มาของการทำ Extra Class ของโรงเรียนสารสาสน์ ในปี 2534 มีสารสาสน์พิทยา จึงเป็นความเข้าใจว่าสารสาสน์นั้นมีที่มาที่ไปและเกิดขึ้นได้อย่างไร
         สมัยผมอยู่ที่ ACC มีเด็กอยู่แก๊งหนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มเด็กที่รวมตัวของความรุนแรง และก็มีเด็กอีกกลุ่มที่ดีหรือเป็นนางฟ้า เปรียบเหมือนตัวละครในการ์ตูนโดราเอมอน จะมีบุคลิกลักษณะของแต่ละตัวละครแตกต่างกันไป กล่าวคือ ไจแอ้นท์ ลักษณะนิสัย ชอบสั่งคนอื่น, ชิตสุกะ ลักษณะนิสัย เรียบร้อย น่ารัก,
โนบิตะ ลักษณะนิสัย น่าสงสาร ชอบโดนรังแก , สุเนะโอะ ลักษณะนิสัย คนช่างยุ , โดราเอมอน ลักษณะนิสัย ให้ความช่วยเหลือโรบิตะ ผมเน้นย้ำกับคุณครู ผู้บริหารและเด็กๆทุกคนเสมอว่าด้วยเรื่อง Stop Bullying คือหยุดกระทำการข่มเหงหรือรังแกผู้อื่น และต่อต้านการ Bully สอนให้คุณครูและเด็กๆทุกคนในโรงเรียนระมัดระวังเรื่องการใช้คำพูดและหลีกเลี่ยงการกระทำที่ข่มเหงผู้อื่น เช่น การใช้คำพูดส่อเสียด ดูถูกเหยียดหยาม ทั้งการกระทำและทางสายตา ทุกคนควรจะมีความอดทน อดกลั้น ต่อการกระทำที่ข่มเหงหรือรังแกผู้อื่น โดยไม่กระทำต่อตนเอง พ่อแม่ คุณครูและเพื่อนๆ เพื่อที่โรงเรียนของเราจะได้เป็นโรงเรียนสีขาว เกิดความภราดรภาพแผ่ไปทั่วโรงเรียน
         ผมอยากจะให้พ่อเม่ ผู้ปกครอง ได้ดูคลิปวีดีโอ เกี่ยวกับการที่ท่านได้ Bully ตัวท่านเอง ซึ่งเป็นโฆษณาของโดฟ กล่าวคือการเชิญผู้หญิงมาหลายๆคนและมีนักวาดภาพ มาวาดภาพ โดยการให้ เราบอกรูปลักษณ์ตัวเองให้นักวาดภาพวาด กับอีกทางคือให้ผู้อื่นมองเราแล้วบอกนักวาดภาพให้วาดออกมา ผลสรุปคือ คนอื่นมองดูตัวเราแล้วเขียนภาพออกมาสวย แต่ตัวเองดูตัวเองและวาดภาพออกมาจะไม่สวย ซึ่งเป็นการสอนในเรื่องการมองตนเองและผู้อื่น ดังเช่นแมวมองตัวเองเป็นเสือ สุนัขมองตัวเองเป็นสุนัข แล้วต่างฝ่ายต่างก็มองซึ่งกันและกัน บางครั้งเรามักจะมองตนเองในแง่ที่ไม่ดี ไม่มีความพอใจในตนเอง แต่ผู้อื่นนั้นมองเราอีกแบบ ดังนั้นเราควรจะมีความพึงพอใจในสิ่งที่ตนมี มองย้อนที่ตนเองให้ลึกซึ้งว่าตนนั้นเป็นอย่างไรและพัฒนาผลักดันให้เกิดสิ่งดีๆขึ้น ผู้ปกครองต้องมองบุตรให้ลึกซึ้งใช้ความเข้าใจและผลักดันส่งเสริมบุตรไปในทางที่ถูกต้องโดยปราศจากการบังคับ บางทีเราถูกเลี้ยงมาแบบพ่อแม่รังแกฉันแบบผิดๆ เราจึงอัดยัดความคิดบางอย่างให้ลูก และมองลูกแบบผิด โดยที่เรา Bully เด็ก และเด็ก Bully ตัวเด็กเอง ทำให้เด็กรู้สึกไร้คุณภาพไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ลูกของท่านเป็นเสือท่านต้องให้เค้ามองตัวเองเป็นเสือ และต้องไม่มองผู้อื่นแบบเอารัดเอาเปรียบ เราจะต้องเป็นกระจกเงาสะท้อนตัวท่านเองให้เด็กๆเป็นแนวทาง
         ผมมักจะเตือนคุณครูของผม เกี่ยวกับเรื่อง Social Network ในเรื่องการโพสต์รูปภาพลงในสื่อต่างๆ คนอื่นจะมองเป็นสองด้านทั้งด้านขาวและด้านดำ ไม่ว่าเราจะเสพข่าวต่างๆมาเราจะต้องมีความคิดของเราเป็นที่ตั้ง ใช้เหตุผลตัดสินใจ ลูกๆทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง เราจะต้องส่งเสริมให้ลูกๆเดินทางไปในสิ่งที่ถูกต้อง ผมดีใจที่ผู้ปกครองมากันเป็นคู่ๆ เพราะคนบางคนก็มีความต่างกันแต่ก็เป็นคู่ชีวิตกัน มีความรักให้ต่อกัน ให้ความรักต่อตนเอง ต่อคู่ ต่อลูกของท่าน
         สุดท้ายนี้ผมขอฝากภาพแอปเปิ้ล ซึ่งมีแอปเปิ้ลหลายๆลูก แต่ละลูกก็จะมีลักษณะ รสชาติแตกต่างกันออกไป เปรียบลูกเหมือนกับแอปเปิ้ล ซึ่งมีความแตกต่างกัน แต่ยังไงแอปเปิ้ลก็คือแอปเปิ้ล อย่าเอาลูกของเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะ ลูกของเรายังไงก็ยังเป็นลูกของเราเสมอ และก็ขอบคุณทุกๆท่านมาก ที่เสียสละมางานประชุมในวันนี้เพราะสภาพการจราจรอาจจะแออัดเดินทางลำบาก แต่ในเมื่อมาที่นี่แล้วเราและเด็กๆต้องอยู่กันให้ได้อย่างมีความสุข เราต้องหยิบยื่นมิตรภาพให้กัน อย่าไป Bully กัน สร้างมิตรภาพกันไว้ซึ่งกันและกัน พ่อแม่จะต้องคอยเป็นบุคคลที่ส่งเสริมเด็กๆ ให้มีความเชื่อมั่นในตัวเอง แนะนำทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยปราศจากการกระทำที่ข่มเหงหรือรังแกผู้อื่น เพราะพ่อแม่เป็นกระจกสะท้อนของลูกๆ ดังนั้นเราต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก มอบความรัก ความยุติธรรมแก่เด็กๆของเรา ขอบคุณผู้ปกครองทุกท่านที่ให้ความร่วมมือรับฟังการบรรยายของผมในวันนี้

ขอบคุณครับ


.
... ประมวลภาพกิจกรรมทั้งหมด ...